วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวััติความเป็นมาจังหวัดปทุมธานี

      จังหวัดปทุมธานีเดิมชื่อเมืองสามโคก นัยว่าต้งมาตั้งแต่ปลายแผ่นดินพระบรมไตรโลกนา มาถึงในแผ่นดินสมเด็จพระมหนทราธราช พ.ศ. 2112 กรุงศรีอยุธยา เสียแก่พม่า เมืองสามโคกจึงร้างไปมีหลักฐานในกฎหมายเก่าลักษณะพระธรรมนูญว่าด้วยการใช้ตราราชการ พ.ศ. 2179 แผ่นดินพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา ระบุว่าสามโคกเป็นหัวเมืองขึ้นกับกรมพระกลาโหม จึงแสดงให้เห็นว่าเมืองสามโคกมีฐานะเป็นเมืองมาก่อนแล้ว แตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา
     ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราชราว พ.ศ. 2202 ชาวมอญเมืองเมาะตะมะพากันอพยพหนีพม่าเข้ามาสวามิภักดิ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ครัวมอญมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลสามโคกใกล้กับวัดสิงห์ เมืองสามโคก จึงเป็นที่ตั้งชุมชนมอญเป็นครั้งแรกในสมัยนี้
     ต่อมา พ.ศ. 2317 ในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าตามสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี มอญได้อพยพหนีพม่ามาอีก เรียกว่า ครัวมอญพระยาเจ่ง หรือมอญเก่า ทรงโปรดเกล้าฯให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองสามโคกอีก และในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 พ.ศ. 2358 พวกชาวมอญที่เรียกว่ามอญใหม่ ได้อพยพเข้ามาพระองค์ได้ทรงโปรดเกล้าฯให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองสามโคกบ้าง เมืองนนทบุรีบ้าง และเมืองนครเขื่อนขันธ์บ้าน (อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ)
     เมื่อ พ.ศ. 2358 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เสด็จประพาสเมืองสามโคกซึ่งตรงกับเทศกาลออกพรรษาเดือสิบเอ็ด ชาวมอญได้ประกอบพิธีทำบุญในเทศกาลนี้อย่างมโหฬาร บรรดาชาวมอญเมืองสามโคก ได้พากันแห่แหนมาเฝ้ารับเสด็จพร้อมกับนำดอกบัวหลวงมาถวายเป็นจำนวนมากครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามเมืองสามโคกให้ เพื่อเป็นสิริมงคลว่า “เมืองประทุมธานี” พร้อมยกฐานะเป็นหัวเมืองชั้นตรี
     ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้เปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” โดยทั่วกัน ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 เมืองประทุมธานีจึงเปลี่ยนมาเป็นจังหวัดประทุมธานี ขึ้นอยู่กับมณฑลกรุงเก่า และเมือ่ พ.ศ. 2461 ทรงเปลี่ยนชื่อ “ประทุมธานี” เป็น “ปทุมธานี” ปัจจุบัน จังหวัดปทุมธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอธัญบุรี, อำเภอคลองหลวง, อำเภอหนองเสือ, อำเภอลำลูกกา, อำเภอเมืองปทุมธานี, อำเภอลาดหลุมเก้า, และอำเภอสามโคก, มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,565 ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่”ธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งแม่น้ำลำคลอง เรือกสวนไร่นา รวมทั้งศิลปวัฒนธรรมประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น อันเป็นมนต์เสน่ห์แห่งเมืองปทุมธานี

ข้อมูลของจังหวัดปทุมธานี



ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออักษรไทยปทุมธานี
ชื่ออักษรโรมันPathum Thani
ชื่อไทยอื่นๆปทุม
ผู้ว่าราชการนายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า
(ตั้งแต่ พ.ศ. 2553)
ISO 3166-2TH-13
สีประจำกลุ่มจังหวัดเหลือง ███
ต้นไม้ประจำจังหวัดปาริชาต (ทองหลางลาย)
ดอกไม้ประจำจังหวัดบัวหลวง
ข้อมูลสถิติ
พื้นที่1,525.856 ตร.กม.[1]
(อันดับที่ 70)
ประชากร985,643 คน[2] (พ.ศ. 2553)
(อันดับที่ 22)
ความหนาแน่น626.78 คน/ตร.กม.
(อันดับที่ 4)




ตราประจำจังหวัดปทุมธานี


ตราประจำจังหวัดปทุมธานี



อาหารหรือสิ่งของเครื่องใช้ที่สำคัญและขึ้นชื่อของจังหวัดปทุมธานี

ขนมกุ้ยฉ่าย 



โอ่งประดิษฐ์


ประเพณีและวัฒนธรรมที่สำคัญของจังหวัดปทุมธานี

การรำพาข้าวสาร 

     เป็นประเพณีของชาวมอญ นิยมทำกันหลังจากการออกพรรษา เป็นช่วงการ ทอดกฐินและทอดผ้าป่า คือ ถ้าวัดใดยังไม่มีการจองกฐิน หรือยังไม่ได้ทอดกฐิน ชาวบ้านก็จะช่วยกันจัดกฐินไปทอด โดยคณะผู้รำพาข้าวสารจะพายเรือไปจอด ที่หัวบันไดบ้าน แล้วจะร้องเพลงเชิญชวนให้ทำบุญ เช่น บริจาคข้าวสาร เงิน ทองและสิ่งของ เมื่อได้รับแล้วก็จะร้องเพลงอวยพรให้ผู้บริจาคมีความสุข ความเจริญ การรำพาข้าวสารจะเริ่มตั้งแต่ 19.00 น.ไปจนถึงเที่ยงคืนจึงเลิก และพากันกลับบ้านและในคืนต่อไปคณะรำพาข้าวสารก็จะพายเรือไปขอรับ บริจาคที่ตำบลอื่น ๆ จนกระทั่งเห็นว่าข้าวของที่ได้มาพอที่จะทอดกฐินแล้วจึง ยุติการรำพาข้าวสาร จากนั้นจึงนำสิ่งของที่ได้ไปทอดกฐินที่วัดนั้น




ประเพณีตักบาตรพระร้อย 

       เป็นประเพณีอันดีงามของชาวมอญในจังหวัดปทุมธานีที่ทำในเทศกาลออก พรรษาในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เป็นต้นไป สืบทอดมานับร้อยปี ด้วยการนำ อาหารคาว-หวานลงเรือมาจอดเรียงรายริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาโดยมีเชือกขึงไว้ เป็นแนวเพื่อรอตักบาตร จากนั้นพระจากวัดต่าง ๆ ก็จะลงเรือมารับบิณฑบาตร จากเรือที่จอดอยู่โดยการสาวเชือกตั้งแต่ต้นจนสุดปลายเชือก หลังจากพิธีตัก บาตรในช่วงเช้าแล้ว ทางวัดจะจัดให้มีงานปิดทองนมัสการพระประธานใน โบสถ์ มีการแข่งเรือ และมหรสพพื้นบ้าน




การจุดลูกหนู


   เป็นประเพณีเผาศพพระภิกษุ-สามเณรใช้ดอกไม้เพลิงเป็นฉนวน ร้อยด้วยเชือกฉนวน เมื่อจุดไฟ ไฟจะวิ่งตามฉนวนไปยังดอกไม้เพลิง ดอกไม้เพลิงจะวิ่งไปจุดไฟที่เมรุ 

สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญและสถานที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดปทุมธานีที่ได้รับความนิยม

พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ


ตั้งอยู่ที่ตำบลคลองหนึ่ง ถนนพหลโยธิน กม. 46-48 ตรงข้ามนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ประกอบด้วย กลุ่มอาคารพิพิธภัณฑ์ 9 อาคาร มีทางเดินเชื่อมต่อกัน จัดแสดงเรื่องราวทางการเกษตรผ่านเทคโนโลยีทันสมัย และหุ่นจำลอง ครอบคลุมเนื้อหางานการเกษตรทุกด้าน ได้แก่ การพัฒนาที่ดิน ป่าไม้ ประมง ปศุสัตว์ ระบบนิเวศ ส่วนด้านนอกมีเรือนเพาะปลูก แปลงนาสาธิต และจำลองสภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรทุกภูมิภาคของไทย นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์ฝึกอบรม ศูนย์ประชุมสัมมนาด้านวิชาการเกษตร และยังเป็นแหล่งการศึกษาทางด้านโครงการพระราชดำริ เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ปิดวันจันทร์ เวลา 09.30–15.30 น. ไม่เก็บค่าเข้าชม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2529 2211-4 http://www.nsm.or.th/rms/index.html 
.............................

วัดชินวราราม



.ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านทิศใต้ของตัวเมือง   เป็นวัดเก่าแก่ และเป็นพระอารามหลวงชั้นโทชนิดวรวิหาร เดิมชื่อ “วัดมะขามใต้” ในพระอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องทศชาติชาดกที่งดงาม วัดนี้ได้รับการปฏิสังขรณ์ โดยพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชินวรสิริวัฒนา สมเด็จพระสังฆราชเจ้า อดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ในสมัยรัชกาลที่ 7



...................

สวนสนุกดรีมเวิลด์ 


ตั้งอยู่ที่ตำบลบึงยี่โถ กิโลเมตรที่ 7 เส้นทางสายรังสิต-นครนายก เป็นสวนสนุกและสถานที่พักผ่อนที่รวบรวมความบันเทิงนานาชนิดเข้าไว้ด้วยกันในเนื้อที่กว่า 160 ไร่ ประกอบด้วยดินแดนต่างๆ 4 ดินแดน ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศแห่งความสุข สนุกสนานที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่ ดรีมเวิลด์ พลาซ่า ดินแดนที่เต็มไปด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมอันวิจิตร พิศดารตลอดสองข้างทาง ดรีมการ์เด้น เป็นอุทยานสวนสวยที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงามท่ามกลางความเย็นสบายจากทะเลสาบขนาดใหญ่ และเคเบิ้ลคาร์ ที่จะพาชมความงามของทัศนียภาพในมุมสูง แฟนตาซี แลนด์ เป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย ประกอบด้วย ปราสาทเจ้าหญิงนิทรา บ้านขนมปัง และบ้านยักษ์ แอดแวนเจอร์ แลนด์ ดินแดนแห่งการผจญภัย และท้าทาย ประกอบด้วย รถไฟตะลุยจักรวาล ไวกิ้งส์ เมืองหิมะ

......................


ตลาดไท



เป็นตลาดกลางสินค้าการเกษตรแห่งประเทศไทย ศูนย์กลางสินค้าการเกษตร และอุตสาหกรรม การเกษตร ครบวงจร เพื่อภาคการเกษตรกรรมไทย บนเนื้อที่กว่า 500 ไร่ ถูกออกแบบให้ยิ่งใหญ่กว้างขวาง และสะดวกสบาย แตกต่างจากตลาดกลางแบบเก่าอย่างสิ้นเชิง ด้วยการแบ่งตลาดออกเป็นสัดส่วน ตามประเภทของสินค้าที่หลากหลาย


เป็นต้น.